เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ ลา ลีกา สเปน ขึ้นชื่อเรื่องใช้เงินมหาศาลในการดึงนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์มาเสริมทัพอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นจะทำให้แฟนบอลหลายกลุ่มไม่พอใจ อย่างทีมลิเวอร์พูลสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีกที่เสียนักเตะสำคัญให้มาดริดบ่อยครั้ง และวันนี้จะมาดูอดีตแข้งหงส์แดงที่ย้ายไปมาดริดและส่งผลกระทบกับทีมอย่างชัดเจน
1. สตีฟ แม็คมานามาน (ไป เรอัล มาดริด ปี 1999)
“แม็คก้า” เป็นขวัญใจของเหล่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล หลังจากที่เขามักจะโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นกับการยืนเป็นมิดฟิลด์ให้ทีมจนช่วยให้ทัพ “หงส์แดง” ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แถมเขายังเป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของลิเวอร์พูลเองด้วย ซึ่งหลายคนก็เคยคิดว่าเขาคงจะอยู่กับทีมไปจนแขวนสตั๊ด น่าเศร้าที่ในโลกของ “ฟุตบอลอาชีพ” อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม็คมานามาน คุยเรื่องการต่อสัญญากับลิเวอร์พูลไม่ลงตัว และท้ายที่สุดแล้ว แม็คมานามาน ก็ตกลงเซ็นสัญญาย้ายไปเล่นกับ เรอัล มาดริด แบบไร้ค่าตัวล่วงหน้าในช่วงที่เขายังเหลือสัญญากับ ลิเวอร์พูล อยู่อีก 5 เดือน ซึ่งตอนนั้นการย้ายทีมของเขาสร้างความฮือฮาได้มากพอตัว และในตอนนั้นเขาก็กลายเป็นนักเตะชาวอังกฤษคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่เล่นให้ เรอัล มาดริด
ในฤดูกาลแรก แม็คมานามาน ทำผลงานได้ดีและมีส่วนช่วยให้ทีมได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 1999-2000 พร้อมลงเล่นไป 47 นัดในทุกรายการ แต่ซีซั่นต่อมา เรอัล มาดริด พยายามขายเขาอย่างสุดชีวิตหลังจากที่พวกเขาทุ่มเงินคว้าตัว หลุยส์ ฟิโก้ มาร่วมทัพ โดยตอนนั้น มาดริด ปฏิเสธที่จะให้เบอร์เสื้อกับเขาสำหรับการลงเล่นฤดูกาล 2000/2001 เพื่อบีบให้เขาย้ายทีมออกไป แต่แม็คมานามาน ก็เอาชนะใจ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เทรนเนอร์ของทีมจนได้ลงเล่นและช่วยให้ มาดริด ได้แชมป์ ลา ลีกา มาครองได้ 2 ฤดูกาล แต่ในฤดูกาล 2002/2003 เขากลายเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ จนได้ลงเล่นไปเพียง 25 นัดในทุกรายการ และต้องบอกลาทีมด้วยการไปเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
2. ไมเคิล โอเวน (ไป เรอัล มาดริด ปี 2004)
ไมเคิล โอเวน อดีตกองหน้า ที่ครั้งหนึ่ง เคยเป็นกองหน้าที่เก่งที่สุดของสโมสรลิเวอร์พูล, ทีมชาติอังกฤษ และคว้ารางวัลที่ยิ่งใหญ่ อย่าง บัลลง ดอร์ มาครองด้วยอายุเพียง 22 ปี ความรุ่งโรจน์ในช่วงต้นอาชีพของเขากลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตการค้าแข้ง และทำให้นักเตะรายนี้ล้มเหลวในอาชีพการค้าแข้งตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 ปีด้วยซ้ำ โดยเรื่องการย้ายทีมครั้งนี้กลายเป็นเรื่องราวที่ฝังใจแฟนเดอะค็อปเมื่อ ไมเคิล โอเวน ต้องการย้ายออกจากลิเวอร์พูล หลังจากทีมไม่ได้ไปเล่นฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ตามข่าวลือที่ทาง มาดริด สร้างขึ้น แม้ต้นสังกัดจะพยายามออกมาสยบข่าวลือต่างๆ แล้ว แต่สุดท้ายเมื่อฤดูกาล 2003/2004 จบลง โอเวนก็เลือกไม่ต่อสัญญากับทีมและย้ายไปอยู่กับสโมสร เรอัล มาดริด ด้วยราคา 8 ล้านปอนด์ เท่านั้น
โอเวน ในวัย 24 ปี ก้าวข้ามผ่านการเป็นดาวรุ่ง เข้าสู่วัยชายหนุ่มเต็มตัว พร้อมจะประสบความสำเร็จ ไปกับสโมสรฟุตบอลในฝัน แต่ความเป็นจริง ไม่เหมือนกับความฝัน โอเวนพบเจอช่วงเวลาที่เลวร้าย เขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนม้านั่งสำรอง มีปัญหาในการปรับตัวกับชีวิตที่สเปน ยิงได้เพียง 16 ประตู จากการลงสนาม 45 นัด และคว้าแชมป์ไม่ได้แม้แต่แชมป์เดียวกับทีมราชันชุดขาว หลังจากนั้นโอเวนกลับสู่ความจริงเมื่อตัวเขาถูกเขี่ยออกจากเรอัล มาดริด ให้กับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่จบฤดูกาล 2004/2005 ด้วยอันดับที่ 14 เท่านั้น
3. ชาบี อลอนโซ่ (ไป เรอัล มาดริด ปี 2009)
ดาวเตะชาวสเปนย้ายจากเรอัล โซเซียดัด มาร่วมทีมลิเวอร์พูลในฤดูกาล 2004/2005 ด้วยค่าตัว 10.8 ล้านปอนด์ แค่ซีซั่นแรกก็กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมที่ช่วยคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนสลีกมาครองได้สำเร็จ โดยอลอนโซ่อยู่กับลิเวอร์พูล 5 ซีซั่น เล่นไป 210 นัด ยิงไป 19 ประตู นอกจากแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนสลีกแล้ว ยังช่วยทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพ มาครองได้ในปี 2006
แม้ว่าจะไม่ได้พาทีมประสบความสำเร็จมากมายแต่ช่วงที่อลอนโซ่อยูกับลิเวอร์พูลนั้น ทีมดังจากเมอร์ซี่ไซด์ไม่เคยพลาดพื้นที่การไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนสลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฤดูกาลสุดท้ายของอลอนโซ่ กับลิเวอร์พูล คือ ฤดูกาล 2008/2009 ทีมหงส์แดงได้อันดับที่สองของตารางพรีเมียร์ลีก มีคะแนนเป็นรองอันดับหนึ่งอย่างแมนฯยูเต็ดเพียงแค่ 4 คะแนน ถือเป็นอันดับดีที่สุดในรอบ 7 ปีของทีม ก่อนที่อลอนโซ่จะย้ายทีมไปสู่เรอัล มาดริดในฤดูกาลถัดมา ซึ่งในฤดูกาลดังกล่าวลิเวอร์พูลต้องตกไปอยู่อันดับที่ 7 เลยทีเดียว
4. อัลบาโร่ อาร์เบลัว (ไป เรอัล มาดริดปี 2009)
หลังจากมาหาประสบการณ์ในประเทศอังกฤษกับลิเวอร์พูล 3 ฤดูกาล อาร์เบลัว ก็ตัดสินใจกลับไปเล่นที่บ้านเกิดกับ เรอัล มาดริด ในปี 2009 โดยถือเป็นการหวนซบ “ราชันชุดขาว” เพราะเดิมทีเขาคืออดีตเด็กปั้นอะคาเดมี่ของ เรอัล มาดริด มาก่อน เพียงแต่ตอนนั้นไม่สามารถขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้ทีมชุดใหญ่ได้
การมาอยู่กับ เรอัล มาดริด เป็นหนที่สองของ อาร์เบลัว ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่แสนสุข เพราะนอกจากฤดูกาล 2015/2016 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับมาดริด อาร์เบลัว ได้ลงเล่นอย่างน้อยฤดูกาลละ 30 เกมในทุกรายการทุกซีซั่น และได้แชมป์มากมายก่ายกอง อย่างเช่น แชมป์ลีก 1 สมัย, แชมป์ โกปา เดล เรย์ 2 สมัยและแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย